วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2551

จงเลียนแบบพระเจ้า และเรียนรู้ที่จะเรียนแบบ

จงเลียนแบบพระเจ้า และเรียนรู้ที่จะเรียนแบบ
ผมว่าในปัจจุบันความเปลี่ยนแปลงทางกระแสนิยมของวัยรุ่น
มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หลายคนพยายามที่จะเลียนแบบ
คนมีชื่อเสียง ดาราไทย.. เกาหลัง.... เกาหลี ญี่ปุ่น โอ๊ย..สาระพัด..กันไป
การแต่งกายเป็นกระแสหนึ่งของวัยรุ่นในปัจจุบัน .....
ที่พยายามลอกเลียนแบบ....เช่น การแต่งกายตามแบบวงดนตรีดังๆ ของเกาหลี
หรือญี่ปุ่น ที่เขาเรียกกันคุ้นหู ว่า....เจป๊อบ เคป๊อบ ทรงผมก็เหมือนกัน ไม่ยอมน้อยหน้า
เพราะต้องทำทรงให้หัวยุ่งๆ เข้าไว้ ตั้งๆ..เข้าไว้..แข็งๆ..เข้าไว้
อันนี้ถือว่าเท่ห์..สุดใคร ใครไว้ทรงไทย ละก็ถือว่า หลุดเทรน!!!!!(ตกยุค)
เรื่องผู้ชาย เจาะหู เขียนขอบตา นะ ถือว่าธรรมดาไปแล้ว สมัยก่อนผู้ชายเจาะหู เขียนคิ้วเขียนตา..
ถือว่าแปลกมากๆๆ ....แต่ปัจจุบัน แมนสุดๆๆๆๆ พฤติกรรมเลียนแบบ เป็นเหมือนวิถีชีวิตของพวกวัยรุ่น...
ผมอยากจะเปลี่ยนคำว่า “เลียนแบบ” เป็น “เรียนแบบ”
เพราะการเรียนแบบจะเกิดจากแนวคิดสร้างสรร ไม่ใช่การ copy
การ “เรียนแบบ” ต้องใช้ปัญญาแยกแยะ สิ่งที่ถูก สิ่งที่ควร หรือไม่ควร
ความจริงพฤติกรรมเลียนแบบ
ก็มีข้อดี..ถ้าเลียนแบบสิ่งที่ดี พระคัมภีร์ของคริสเตียน
ใน...เอเฟซัสบทที่ 5 ข้อที่ 1 แนะนำให้เลียนแบบ พระเจ้าเพราะพระเจ้าไม่มีตำหนิ
การเลียนแบบพระเจ้า เราสามารถเลียนแบบพระองค์ ในเรื่อง ความรัก เพราะพระเยซูสอนเรา
รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง อันนี้คงไม่อยากเกินไป.....แต่ สิ่งที่ยากกว่านั้นคือ
พระเยซูสอน ว่า รักศัตรู และอวยพรแก่ผู้แช่งสาปท่าน อันนี้สุดๆๆๆ...
โดยนิสัยเราเองคงทำไม่ได้แน่นอนแหละ แต่เมื่อเราได้พบความรักใหม่
ที่ไม่เคยมีในมนุษย์เราจะดื่มด่ำกับรักใหม่นี้
หรือที่เรียกกันว่า “ ตกหลุมรัก ” แต่เป็นการตกหลุมรักพระเจ้า
เพราะรักของพระเจ้า พระองค์มาตายแทนเรา ในขณะที่เราเป็นคนบาป
พระเยซูมาตายบนไม้กางเขน
เป็นเรื่องอยากที่จะทำความเข้าใจได้ทั้งหมด แต่ที่อยากให้เข้าใจคือ
เมื่อเราเลียนแบบความรักพระเยซู
คือรักคนอื่น รักคนไม่น่ารัก ผลไม่ได้มีไว้สำหรับใคร .......
แต่สำหรับตัวเราเอง คือ ไม่ต้องเก็บมาเครียดแค้น ชิงชัง มองหน้า...แล้วอยากต่อย
แต่ตรงกันข้ามกลับมีความสุขเปี่ยมล้น เมื่อมีการอภัย
เมื่อคิดจะเลียนแบบ ให้เลียนแบบ พระเจ้าเมื่ออยากเท่ห์...สุดตามแบบคนดัง ให้ “ เรียนแบบ ”
ในสิ่งที่ดีอย่าเรียนในสิ่งไม่ดี

วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2551

เด็กติดเกม

โลกของวัยรุ่น “เกม” ได้เข้ามามีส่วนสำคัญในชีวิต โดยที่ผู้ปกครองและศิษยาภิบาล อาจจะไม่ทันคิด
ว่าเกมจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในชีวิตของวัยรุ่นเหล่านี้ การที่เด็กนั่งเล่นเกมที่บ้าน ก็ดีกว่าเด็กจะออกไปเที่ยวนอกบ้าน
นั่งในร้านเกม ก็ดีกว่านั่งในในผับหรือแหล่งอบายมุข. ร้านเกมกลายเป็นบ้านหลังที่สองของเด็ก ๆ
ศิษยาภิบาลได้เริ่มสังเกตุว่าเด็กหายไปจากคริสตจักรโดยสาเหตุมาจากหนีไปเล่นเกม แต่ไม่รู้ว่าจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร
นอกจากการอธิษฐานเผื่อเด็กอย่างเดียว เกมได้สร้างปัญหาให้กับเด็กในระยะยาวโดยที่พ่อแม่ไม่รู้ตัว และกลายเป็นปัญหาระดับชาติ
สาเหตุและทางออกของปัญหานี้อยู่ที่ไหน
สถานการณ์ปัญหาเด็กติดเกม สรุปได้ว่า เด็กอายุ 10-14 ปี ร้อยละ 76.5 เล่นเกมออนไลน์มากที่สุด รองลงมาคืออายุ 15-19 ปี ร้อยละ 71.6 และอายุ 20-29 ปี ร้อยละ 59.5 โดยเฉลี่ยจะเล่นเกมวันละ 9.2 ชม เด็กหนีออกจากบ้านมากขึ้น โดยส่วนมากจะพบที่ร้านเกม และมีบางส่วนที่ยังตามตัวไม่เจอ
สาเหตุของการเสพติดเกม ประการแรก คือ ความเหงา เด็กถูกทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียว ความรู้สึกเหงา ว้าเหว่ เด็กไม่มีเพื่อนเล่น สร้างความรู้สึกเจ็บปวด เด็กคิดว่า เขาถูกปฎิเสธ ขาดการยอมรับ ขาดความรักจากครอบครัว พ่อแม่ที่มุ่งเน้นทำงานหนัก จนลืมให้เวลากับลูก ลืมสวมกอด และใช้เวลากับลูก จะทำให้เด็กโหยหาความรักและการยอมรับสูง โดยสิ่งที่ตอบสนองความต้องการได้อย่างทันทีของเขาคือ เกม เพราะในเกมช่วยหายจากความเหงา ความเบื่อ เขาได้เจอเพื่อนในเกม มีสังคมใหม่ เมื่อเขาพัฒนาการเล่นในระดับสูง เขาจะได้รับการยอมรับจากสังคมของโลกไซเบอร์ ถึงตอนนั้นความรักจากครอบครัวก็เป็นสิ่งที่เขาเองอาจจะไม่ต้องการอีกต่อไปแล้ว ประการที่สอง เด็กขาดระเบียบวินัย บางครอบครัว พ่อแม่รักลูก เอาใจและตามใจลูกมากเกินไป เมื่อลูกเล่นเกม ก็ไม่กล้าจะตักเตือน หรือออกกฎในการเล่นเกม เพราะว่ากลัวลูกไม่รัก ทำให้ลูกขาดระเบียบวินัย เอาแต่ใจตัวเอง จนนานเข้า เด็กไม่สามารถแยกแยะความถูกผิด ควบคุมตัวเองไม่ได้ เมื่อเด็กเสพติดเกม ทำให้ไม่สามารถเอาชนะตัวเอง และผลคือสูญเสียชีวิตประจำ เช่นการเรียน การเฝ้าเดี่ยว และเข้าสังคมกับเพื่อน ประการที่ 3 เด็กไม่รู้จักอัตตลักษณ์ในตัวเอง (Identity) ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริง ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ตัวเองเป็นใคร มีความสามารถพิเศษอะไร มีบุคคลิกแบบไหน เมื่อเขาไม่รู้จักตัวเอง เขาก็จะเอาอัตตลักษณ์ของกลุ่มมาเป็นอัตตลักษณ์ของตัวเอง เด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้จะชอบดาราอย่างคลั่งไคล้ตามแบบเพื่อน ชอบแต่งตัวตามสมัยนิยมแต่ก็ไม่เข้ากับตัวเอง ชอบกินอาหารฟาสท์ฟูดราคาแพง ตามเทคโนโลยีให้ทันสมัยตลอดเวลา ซึ่งเด็กจะต้องพยายามเลียนแบบเพื่อนเพื่ออยู่ในสังคมนั้นให้ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเพื่อนของเขาเล่นเกม แน่นอนเด็กกลุ่มนี้จะต้องเล่นเกม และเป้าหมายของการเล่นเกมคือการไปถึงระดับที่สูงที่สุด แต่ว่าเกมในปัจจุบันไม่มีจุดสิ้นสุด(endless) ผลก็คือเด็กจะเล่นเกมจนไม่สามารถดึงตัวเองกลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงได้
ผลกระทบในทางลบของการเล่นเกม คือ ผลกระทบทางด้านร่างกาย เด็กจะผอมโซ เป็นโรคกระเพาะ เพราะทานอาหารไม่ตรงเวลา ป่วยง่ายเนื่องจากไม่ได้ออกกำลัง ปวดข้อ ปวดหลัง ปวดตา และกระดูก มีการกระตุ้นของสารโดปามีน ซึ่งออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทอีกต่อหนึ่ง ทำให้เด็กสนุกเกินความพอดี มีแรงมากเหมือนใช้ยาบ้า ทำให้เด็กเกิดอาการโหยหา และเกิดอาการโรคกล้ามเนื้อเกร็ง ข้อเส้นเอ็นอักเสบเรื้อรัง และหนักเข้าก็อาจเป็นโรคลมชัก ผลกระทบทางด้านสติปัญญา ทำให้เสียการเรียน เสียงาน เด็กหลายคนหนีเรียนไปเล่นร้านเกม แม้เวลาใกล้สอบแล้วแต่ก็ยังคงเล่นอยู่ทำให้การเรียนตกต่ำ บางคนเล่นจนดึก ไม่สามารถตื่นไปเรียนได้ เด็กหลายคนไม่ยอมทำการบ้าน ไม่อ่านหนังสือ ไม่มีสมาธิในการเรียน สมองเฉื่อย ผลกระทบทางด้านสังคม เด็กจะมีพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง EQ.ต่ำ เข้ากับเพื่อนคนอื่นไม่ได้ นอกจากเพื่อนที่เล่นเกมด้วยกัน ชอบเอาชนะ โมโหร้าย ผลกระทบทางด้านจิตวิญญาณ เด็กจะไม่อยากอ่านพระคัมภีร์ ไม่เฝ้าเดี่ยวและอธิษฐาน โดดนมัสการ ไม่ไปโบสถ์
สิ่งที่สำคัญในผลเสียของการเล่นเกม คือการที่เด็กได้อยู่ในโลกเสมือนจริง ดูเหมือนเขามีความสุขจากการได้การยอมรับจากเพื่อนที่ติดเกมด้วยกัน แต่เกมจะตอกย้ำอัตตลักษณ์ในสิ่งที่เขาอยากจะเป็น โดยที่ขัดกับโลกแห่งความเป็นจริง ทำลายอัตลักษณ์ตัวตนที่แท้จริงของเขา เช่นเด็กผู้ชายก็จะสวมบทบาทเป็นผู้หญิงในโลกเสมือนจริง จนเขาคิดว่าเขาคือผู้หญิง และเกมได้ทำลายจริยธรรม ศีลธรรมเพราะในโลกไซเบอร์ ไม่มีตำรวจมาคอยจับคนร้าย ทุกคนสามารถหลอกลวง ขโมยของ โกหก สวมหน้ากากเข้าหากัน ทำร้ายกัน โดยไม่มีบทลงโทษ เด็กจะติดอยู่ในโลกเสมือนจริงจนไม่สามารถเอาตัวเองออกมาจากโลกไซเบอร์ได้ ทั้งที่ความจริงเขาต้องดำเนินชีวิตในโลกแห่งความจริง เด็กไม่สามารถแยกแยะความถูกต้อง ความเหมาะสมได้ เด็กที่เสพติดเกม จะเล่นเกมหนักขึ้นเรื่อยๆเมื่อเขาโตขึ้นเขาจะไม่สามารถเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพได้ ไม่สามารถเติบโตฝ่ายวิญญาณได้
แนวทางแก้ไข ผู้ปกครอง พ่อแม่ ควรเอาใจใส่ลูก มอบความรัก ด้วยการสวมกอด และให้เวลากับเขาอย่างเพียงพอ ยอมรับเขา สถาบันครอบครัวที่มีความรักมอบให้กันอย่างเป็นรูปธรรม เด็กสัมผัสและยอมรับได้ จะเป็นเกาะป้องกันเด็กติดเกมได้ดีที่สุด ไม่มีคำว่ารักลูกมากเกินไปเพียงแต่การแสดงออกของความรักอย่างถูกต้องเหมาะสม พยายามตั้งกฎให้ลูกในการเล่นเกม มีระยะเวลา ขอบเขต เมื่อลูกเล่นเกม ควรสังเกตและอธิบายให้ลูกเข้าใจการเล่นเกมที่ถูกต้อง เมื่อเขาไม่สามารถปฎิบัติตามกฎได้ควรมีบทลงโทษบ้าง ไม่ควรตั้งคอมพิวเตอร์ไว้ที่ห้องส่วนตัวของเด็ก ควรสนับสนุนเขาเมื่อผู้ปกครองได้เห็นศักยภาพของลูกบางอย่าง เช่น ศิลปะ ร้องเพลง ดนตรี และสนับสนุนเขาให้พัฒนาขึ้น โดยให้สอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระเจ้า
คริสตจักร ควรดูแล อภิบาลอนุชนในคริสตจักร สอดส่องเด็กที่หายไป มีพฤติกรรมน่าสงสัย โดยการให้คำปรึกษา เด็กที่ติดเกมมักจะมีปัญหาภายในครอบครัวและหาทางออกโดยการเล่นเกม นำกลับมาที่พระวจนะของพระเจ้า เพื่อรักษา(Healing) ทนุถนอมให้กำลังใจ ปลอบโยน (Sustaining) นำทางเขา ชี้แนะแนวทางเมื่อเขาต้องตัดสินใจ (Guiding) นำเขาให้คืนดีกับพระเจ้า กับคนอื่น ๆ ให้อภัย และป้องกันเขา (Preventing) ฉีดวัคซีนป้องกันเขา อย่าให้เขากลับไปติดเกม หรือป้องกันเขาไม่ให้ติดเกม เพราะการป้องกันย่อมง่ายกว่าการรักษา และควรจะสร้างกิจกรรมในช่วงปิดเทอม เช่นจัดค่ายพระคัมภีร์ จัดสอนพิเศษ สอนดนตรี กิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ เพื่อเด็กจะมีทางออกในการเข้าสังคม เด็กจะไม่เหงา ผู้ปกครองจะสบายใจเมื่อรู้ว่าลูกอยู่ที่คริสตจักร
มือปราบเด็กติดเกม